สายลมยามบ่ายจัดพัดเอาผ้าม่านสีครีมปลิวไสว เก้าอี้โยกริมหน้าต่างบานนั้นลั่นดังเอียดออดตามแรงโยกของคนนั่ง ความเงียบ ของสรรพสิ่งทำให้หญิงสาวที่เคยมีภารกิจรัดตัวกลับมีเวลาสำหรับหวนระลึกถึง เรื่องราวต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ขณะที่มือ หนึ่งก็ลูบท้องของตนไปมาอย่างแผ่วเบา
เธอรู้ ดี...บนเก้าอี้ตัวนี้มีเธอนั่งอยู่คนเดียว แต่ไม่ได้มีเธออยู่คนเดียว
........................................................................................................
เวลา ๔ ปีเร็วเหมือนชั่วพริบตา อิลฮามยังจำวันแรกที่เธอก้าวสู่รั้วมหาวิทยาลัยได้ ทุกสิ่งดูแปลกใหม่น่าค้นหาโดยเฉพาะ สำหรับเด็กต่างจังหวัดที่จับพลัดจับผลูเข้ามาได้เรียนมหาวิทยาลัย กลางกรุงอย่างเธอ
“พ่อไม่มี อะไรจะฝากฝังกับลูกหรอก” พ่อที่ตามมาส่งเธอถึงหอพักบอก กับลูกสาวคนเดียว “นอกจากอิสลาม...ยึดมันเอาไว้ให้มั่นแล้วลูกจะ ไม่มีวันหลงทาง”
อิลฮามจำ ได้ว่าตังเองรับคำหนักแน่นกับพ่อไปในตอนนั้น แต่ครั้นเมื่อชีวิตจริงในมหาวิทยาลัยเริ่มต้น เธอก็ได้เรียนรู้ว่าการใช้ชีวิตในสังคม ที่ความชั่วร้ายแพร่กระจายไปทั่วนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่หวังไว้
ความเป็น น้องใหม่ที่มาจากต่างถิ่น ต่างวัฒนธรรม ทำให้อิลฮามไม่กล้าปลีกตัวออกจากกิจกรรมหลาย ๆ อย่างของมหาวิทยาลัย ที่ใจลึก ๆ ของเธอรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง ในขณะที่เพื่อนฝูงหน้าใหม่ก็พร้อมจะทำให้เธอสนุกสนานไปกับทุกสิ่งทุกอย่างจน พร้อมจะลืมคำที่รับปาก เป็นมั่นเป็นเหมาะไว้กับผู้เป็นพ่อ
หากด้วย ความเมตตาของอัลลอฮฺ ก่อนที่อิลฮามจะหลวมตัวไปมากกว่านี้ พี่ ๆ จากชมรมมุสลิมก็เข้ามาช่วยดึงเธอออกจากกิจกรรมที่ ทำให้เธอห่างเหินจากอัลลอฮฺเหล่านั้น มาสู่กิจกรรมของชมรมที่ช่วยสร้างความใกล้ชิดระหว่างเธอกับพระองค์ให้มากขึ้น
“ทุกกิจกรรมที่เราทำไม่ได้ เราต้องบอกเขานะจ๊ะว่าทำไม่ได้ ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น เพราะผู้เดียวที่เราต้องกลัวคืออัลลอฮฺ" บรรยากาศแห่งการตักเตือนกัน ชี้แนะกัน และแบ่งปันความรู้ให้กันและกันในชมรม ทำให้อิลฮามระลึกถึงบรรยากาศแห่งอิสลาม ที่เธอจากมา ความโหยหาลึก ๆ ในใจทำให้เธอเอาตัวเองเข้าสู่สนามการทำงานเพื่ออิสลามในแวดวงนิสิตนักศึกษา มุสลิมอย่างแข็งขัน และพร้อม ๆ กับที่การทำงานตรงนี้นำพาความอิ่มเอมใจและการปรับปรุงตัวเองให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นมาให้แก่อิลฮาม แต่มันก็ได้นำพาเรื่องที่น่าวิตกกังวลมาให้แก่เธอ
“รู้เรื่องพี่คนนี้ กับน้องคนนั้นไหม” “สองคนนี้เขาดู ๆ กันอยู่ ใคร ๆ ก็รู้ทั้งนั้น”
“พี่เขารู้ศาสนาน่า ไม่มีอะไรน่าห่วงหรอก ก็คงจะแค่คุยโทรศัพท์กันเฉย ๆ เท่านี้แหละ”
ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งที่อิลฮามได้รับฟังเรื่องราว ทำนองนี้จากพี่น้องมุสลิม มันไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกับเยาวชนทั่วไปในสังคมของเรา แต่เกิดขึ้นแม้กระทั้งในกลุ่ม คนที่เรียกตัวเองว่า “คนทำงานเพื่ออิสลาม” “ฉันไม่ เข้าใจเลยจริง ๆ หลักการเกี่ยวกับเรื่องชาย-หญิงในอิสลามน่ะมันชัดเจนมาก ๆ เลยน่ะ อย่าว่าแต่โทรศัพท์คุยหรือไปเที่ยวด้วยกันเลย แม้แต่สายตาก็ต้องลด กรุอานบอกไว้ชัดเจน ทำไมเราไม่เกรงกลัวอัลลอฮฺกันบ้าง” อิลฮาม เคยรำพันกับเพื่อนสนิท
“มันเป็น การงานของชัยฏอนน่ะอิลฮาม” เพื่อนตอบ “ฉันคิด ว่ามันเป็นทั้งบททดสอบและก็บทลงโทษ สำหรับการใช้ชีวิตรวมกัน ทั้งการทำงานที่ปะปนกันระหว่าง ชาย-หญิง ฉันเคยคุยกับคนทีศาสนาที่ถูกทดสอบเรื่องนี้น่ะ เขาบอกว่ามันยากมากที่จะเอาชนะใจตัวเอง”
อิลฮามไม่เห็นด้วยกับประโยคสุด ท้ายของเพื่อนนัก แต่เธอก็เข้าใจมันมากขึ้นเมื่อคนที่ถูกทดสอบกลายเป็นตัวเธอเอง “เขา” เป็นรุ่น พี่ร่วมสถาบันที่ขึ้นชื่อเรื่องความรู้ศาสนา และประเด็นเกี่ยวกับเรื่องศาสนานี่แหละที่เขาโทรมาขอความเห็นจากเธอ หากเมื่อการพูดคุยมีครั้งที่ สอง และครั้งที่สามตามมา ประเด็นในการสนทนาก็เริ่มไม่อยู่กับร่องกับรอยเหมือนครั้งแรก อิลฮามตรวจสอบ หัวใจตัวเองและพบว่าเธอกำลัง ถูกทดสอบแน่แล้ว มีข้ออ้างผุดขึ้นมาในหัวเธอ เสมอเพื่อหาเหตุผลในการรับโทรศัพท์ของเขารวมทั้งข้ออ้างมากมายที่เป็นเหตุผล ทำให้เธอตัดสินใจ ขออนุญาตพ่ออยู่ทำค่ายกับ เพื่อนนักศึกษาที่กรุงเทพฯ ในช่วงปิดเทอมนี้ด้วย เอกสารรายละเอียดของค่ายที่พ่อขอดูไม่มีอะไรผิดปกติ เพราะพ่อไม่รู้ว่าชื่อประธาน ค่ายคือชื่อของเขา!
ก่อนที่อิลฮามจะต้องด่างพร้อย ด้วยฟิตนะฮฺครั้งนี้ อัลลอฮฺได้ช่วยเหลือเธออีกครั้ง เมื่อพ่อส่งข่าวมาบอกว่าแม่เข้าโรงพยาบาล อิลฮามมีสติพอที่จะตัดสินใจ กลับไปเยี่ยมแม่ โดยทิ้งค่ายที่หัวใจเธอเรียกร้องไว้เบื้องหลัง แม้ทีสุดแล้ว แม่จะไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าอาหารเป็นพิษ แต่การกลับบ้านในครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะป้องกันอิลฮามจากการไปในที่ ๆเธอรู้อยู่เต็มอกว่าจะนำฟิตนะฮฺมาให้ หากยังทำให้เธอได้สนทนากับผู้เป็นพ่อในเรื่องที่เด็กหญิงอิลฮามตัวน้อยไม่ เคยหยิบยกมาพูดกับพ่อมาก่อน
“พ่อคิดยังไงกับการคบหากันระหว่างชาย-หญิงค่ะ?” ลูกสาวถามในวันที่นั่งเฝ้าไข้ แม่อยู่กับพ่อสองคน “เอ่อ พอดีมีเพื่อนมุสลีมะฮฺมาปรึกษาหนูในเรื่องนี้น่ะค่ะ” “ทำไมถาม ว่าพ่อจะว่ายังไง ทำไมไม่ถามว่าอิสลามจะว่ายังไง” พ่อตอบ ยิ้ม ๆ “ถ้าพ่อเห็นด้วยแล้วหมายความว่ามันเป็นสิ่งที่ ทำได้หรือไงล่ะลูก บทบัญญัติเรื่องนี้ชัดเจนอยู่แล้วในอิสลาม ลูกเองก็รู้ดี” “แล้ว ถ้า...ถ้ามีคนดี ๆ เข้ามาล่ะค่ะ หนูควรจะแนะนำเพื่อนยังไงดี...คือคำว่าดี ๆ ของหนู หมายถึงดีในมาตรฐานอิสลามน่ะค่ะประมาณว่าศาสนาดี มีอีหม่าน อะไรอย่างนี้น่ะค่ะ เราควรพิจารณายังไง”
“พ่อไม่ เข้าใจ มีคนดี ๆ เข้ามา หมายถึงอะไร เข้ามายังไง สำหรับอิสลามแล้วการเข้ามาในเรื่องนี้หมายถึงเข้ามาทางผู้ปกครองของฝ่ายหญิงเท่านั้นน่ะลูก ไม่ใช่เข้ามาทางเจ้าตัวเขา พ่อคิดว่าหลักการอิสลามเรื่องนี่มีฮิกมะฮฺมากเลยน่ะมันเป็นเครื่องมือช่วย สแกนความเป็นลูกผู้ชายของคนที่เข้ามาให้มุ สลีมะฮฺได้รู้บอกเพื่อนลูกเถอะว่า...ไม่มีผู้ชายดีๆ ในมาตรฐานอิสลามเข้ามาให้เราพิจารณาโดยไม่ผ่านพ่อแม่ของเราหรอก การที่เขา โทรหาเรา เข้ามาเจ๊าะแจ๊ะกับเราโดยไม่ผ่านวลีก็เท่ากับเป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่าเขา ยังไม่ใช่คนดี ก็เขาไม่เดินตามทางที่อิสลามวางไว้แล้วจะ เรียกว่าคนดีตามมาตรฐานอิสลามได้ยังไง”
อิลฮามก้มหน้านิ่ง คำตอบของพ่อกระทบใจเธออย่างจัง
“อิลฮาม ลูกภูมิใจมั้ยที่มีแม่อย่างแม่ของลูก” พ่อถามพลางมองไปยังคนไข้ที่นอน หลับอยู่บนเตียง “ภูมิใจซิ ค่ะ” อิล ฮามตอบโดยไม่ต้องคิด ทุกวันนี้เธอยังขอบคุณอัลลอฮฺเสมอที่ให้เธอเกิดเป็นลูกของคนคู่นี้ “รู้ไหม สมัย แม่ของลูกยังเรียนหนังสืออยู่ พ่อไม่เคยได้ยินมุสลีมีนคนไหนพูดถึงเขาในทางล้อเล้น ไม่ให้เกียรติเลย ไม่ใช่แค่ไม่เคยคบหากับผู้ชายคนไหนน่ะ แม้แต่พูดเล่นด้วยแม่ของลูกก็ยังไม่เคย และนี่เป็นเหตุผลแรก ๆ ที่พ่อเลือกแม่มาเป็นแม่ของลูก” รอยยิ้มของพ่อของความภาคภูมิใจอย่างแท้จริง
“อิลฮาม บทบัญญัติอิสลามเกี่ยวกับเรื่องชาย-หญิงไม่ใช่แค่ช่วยสแกนคุณสมบัติของมุสลีมีนให้มุสลีมะฮฺได้รู้เท่านั้นน่ะลูก แต่ยังช่วยสแกนคุณสมบัติของมุสลีมะฮฺให้มุสลีมีนได้รู้ด้วยว่า ผู้หญิงคนไหนที่เขาควรจะเลือกมาเป็นแม่ของลูกเขา เชื่อพ่อเถอะว่าสำหรับผู้ชายที่มีศาสนาแล้ว มันต่างกัน แน่นอนระหว่างผู้หญิงที่รู้ ๆ กันอยู่ว่าเคยคบหากับใครมากหน้าหลายตา กับผู้หญิงที่ระมัดระวังแม้แต่บทสนทนากับเพศตรง ข้าม ผู้หญิงที่เดินไปตรงไหนผู้ชายก็มองน่ะหาไม่ยากเลยน่ะลูก แต่ผู้หญิงที่เดินไปตรงไหนแล้วผู้ชายก็ต้องให้เกียรติสิที่หายากลือเกิน
และพ่อหวังว่าลูกของพ่อจะเป็น หนึ่งในผู้หญิงพวกหลัง เพื่อที่ลูกของลูกจะได้ภูมิใจในตัวแม่ของเขา เหมือนอย่างที่ลูกภูมิใจในตัวแม่ของลูกไง คำพูดของผู้เป็นพ่อจริงจังจน อิลฮามไม่กล้าแย้งว่า หนูบอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของเพื่อนน่ะค่ะ ไม่ใช่เรื่องของหนูสักหน่อย! บทสนทนาวันนั้นมีผลกับหัวใจอิล ฮามมาก เธอตัดสินใจแน่วแน่ที่จะปฏิเสธทุกแผนการร้ายของชัยฏอน และขอความช่วยเหลือจาก อัลลอฮฺให้ช่วยรักษาเธอไว้ให้ บริสุทธิ์จากฟิตนะฮฺทั้งมวล และอิลฮามก็ได้เรียนรู้ว่าเมื่อเราเข้มแข็งจริงจ้งแล้ว อีกฝ่ายก็ต้องรามือไปอย่างไม่รู้จะทำอะไรได้ดีไปกว่านั้น อิลฮามจึงภูมิใจอย่างยิ่งที่ เธอผ่านชีวิตสี่ปีในมหาวิทยาลัยมาได้โดยไม่ต้องแปดเปื้อนกับความรักจอมปลอม ใด ๆ เธอรักษาตัวไว้สำหรับคน ๆ เดียว รักษาดวงตาไว้สำหรับมองคน ๆ เดียว รักษาเสียงหวาน ๆ ไว้สำหรับอ้อนคน ๆ เดียว...ด้วยความเชื่อมั่นว่าอัลลอฮฺจะต้องมอบคนที่รักษาเนื้อรักษาตัวให้กับ เธอเช่นกัน เพราะอัลลอฮฺบอกไว้แล้วว่า ผู้หญิงดีย่อมควรคู่กับผู้ชายดี และคำพูดของอัลลอฮฺนั้นย่อมสัจจริงเสมอ!
สายลมยามบ่ายจัดพัดเอาผ้าม่าน สีครีมปลิวไสว เก้าอี้โยกริมหน้าต่างบานนั้นลั่นดังเอียดออดตามแรงโยกของคนนั่ง หญิงสาวลูบท้องของเธอไปมาเบาๆสัมผัสได้ถึงบางชีวิตที่ดิ้นคลุกคลักอยู่ภายใน...อิลฮามรู้สึกได้ถึงความ อิ่มเอมที่มาพร้อมกับความหนักหนาแห่งภาระหน้าที่ ที่กำลังจะมาถึง การแต่งงานไม่ใช่ตอนจบของชีวิต เหมือนในละครโทรทัศน์ แต่มันคือการเริ่มต้นของภาระหน้าที่ชนิดใหม่ที่ยิ่งใหญ่เหลือเกินโดยเฉพาะสำหรับผู้ศรัทธา เขาจะต้องตระหนังในหน้าที่แห่งการสร้างประชาชาติที่เข้มแข็งให้แก่อิสลามและ เงื่อนไขแรกที่จะนำไปสู่ความสำเร็จในหน้าที่นี้ก็คือ
การเลือกคนที่จะมาเป็นคู่คิดในการสร้างเสียงประตูบ้านเปิดออก ใครบางคนให้สลามก่อนย่ำรองเท้าเข้ามา...เพียงได้ยินเสียง รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของอิลฮามโดยไม่รู้ตัว เสียงของผู้ชายที่เดินตามทางของอิลฮามในทุกขั้นตอนก่อนจะได้มาเดินอยู่ใน บ้านเดียวกับเธอในวันนี้ อิลฮามไม่ได้ภูมิใจที่เลือกเขามาเป็นคู่ครองเท่านั้น แต่แน่ใจว่าชีวิตที่ดิ้นขลุกขลักอยู่ในท้องของเธอตอนนี้ก็จะต้องภูมิใจที่ เธอเลือกเขามาเป็นพ่อของแก เท่า ๆ กับที่เขาเลือกเธอมาเป็นแม่ของแกเช่นกัน
Ahmadi Vittaya Foundation School
ด้วยจิตคาราวะและขอขอบคุณ skk agro
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น