วันเสาร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2554

อิอฺติกาฟ



โดยนิยามแล้ว อิอฺติกาฟ หมายถึง การที่บุคคลพยายามเก็บตัวอยู่ในมัสยิดอย่างสงบตามวิธีการที่ได้กำหนดไว้ เป้าหมายสำคัญก็คือ
 - เพื่อปลีกตัวออกจากภารกิจทางโลก และครอบครัวอันมากมาย สู่การแสวงความผ่องแผ้วแห่งจิตวิญญาณเสริมสร้างพลังและศักยภาพเพื่อเป็นกลไก ที่จะเอื้ออำนวยให้กิจกรรมต่างๆ ในการดำเนินชีวิตเป็นไปอย่างราบรื่นและดียิ่งขึ้น

- หากว่าเราะมะฎอนเป็นหนึ่งเดือนแห่งการทดสอบประจำปีที่เปี่ยมล้นด้วยเราะหฺมัรจากอัลลอฮฺ ดังนั้นการอิอฺตีก้าฟในสิบวันสุดท้ายของเราะมะฎอนจึงเป็นช่วงเวลาแห่งการทดสอบเฉพาะที่ทวีขึ้นไปอีกสำหรับผู้ที่บรรลุความสำเร็จจากการทดสอบแห่งเดือนเราะมะฎอนโดยภาพรวม เพื่อความสำเร็จที่รุ่งโรจน์ยิ่งขึ้น
เพื่อพยายามแสวงหาลัยละตุล-ก็อดร์ เช่นที่มีปรากฏอยู่ในซุนนะฮฺ (แบบอย่าง) ของรอซูลุลลอฮ ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม 
ความจริงแล้ว การอิอฺติกาฟ เป็นซุนนะฮ และวิถีชีวิตที่ท่าน รอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ไม่เคยละทิ้งนับตั้งแต่ท่านเริ่มเข้ามายังนครมาดีนะห์จวบจนกระทั่งท่านเสียชีวิต ในขณะที่เราพบว่า ประชาคมมุสลิมในปัจจุบันจำนวนน้อยมากที่ให้ความสำคัญและให้การตอบรับวิถีแห่งการบ่มเพาะจิตใจตามแบบอย่างนี้

เราเชื่อว่า หลายคนที่ไม่ให้ความสำคัญกับซุนนะฮฺนี้ เป็นเพราะยังไม่เคยสัมผัสบรรยากาศของการอิอฺติกาฟ ช่วงเวลาเก้าหรือสิบวันที่บ่าวใช้เวลากับตัวเองเพื่อทบทวนวิถีทางและหาความลับแห่งชีวิตของการเป็นมุอ์มินผู้ศรัทธาต่อองค์อภิบาลสากลจักรวาล
ในหนึ่งปี เราะมะฎอนมิได้เป็นเพียงแค่เดือนที่สอนให้มุสลิมทุกคนรู้จักอดทนกับการละทิ้งการบริโภคและเสพสมเท่านั้น ทว่าเดือนแห่งความประเสริฐนี้ องค์อัลลอฮทรงกำหนดขึ้นเพื่อมุ่งจะเปิดโอกาสให้ปวงบ่าวของพระองค์ได้เข้าใกล้ชิดและแสดงความภักดีต่อพระองค์
ประตูสวรรค์ที่เปิดอ้า นรกที่ถูกปิดตรึง และเหล่ามารชัยตอนที่ถูกล่าม คือช่วงเวลาที่องค์ผู้สร้างเชื้อเชิญมวลมนุษย์ทั้งหลายให้เข้าเฝ้าร้องขอและรับความเมตตาจากพระองค์โดยไม่มีขีดจำกัด
เราะมะฎอนทั้งเดือนเต็มไปด้วยความบาเราะกัตและความอิ่มเอมของการใช้ชีวิตเยี่ยงบ่าวผู้ภักดี โดยที่ยากจะหาคำอธิบายมาพรรณนาได้
ถ้าการอดในช่วงกลางวันสอนให้เรารู้จักความอิคลาศ การลุกขึ้นยืนนมาซในยามกลางคืนสอนให้เราเข้มแข็งและอดทน การอิอฺติก้าฟในช่วงสิบวันสุดท้ายของเดือนเราะมะฎอนก็คือวงจรของการน้อมนอบสมบูรณ์แบบ ที่เราสามารถทั้งเข้าใกล้อัลลอฮฺ รำลึกถึงความยิ่งใหญ่ของพระองค์ สำนึกในคุณอันใหญ่หลวง ขออภัยโทษจากมวลบาป ทำให้แผ่นลิ้นชุ่มด้วยการซิกรและอ่านอัลกุรอาน ดำรัสแห่งผู้เป็นเจ้า นึกถึงชีวิตหลังความตาย จุดหมายที่อาจจะเป็นสวรรค์หรือนรก เรื่องที่บ่าวทั้งหมดควรคิดถึงเพราะเราทุกคนต้องเจอมัน และเป็นเรื่องที่เราหลงลืมมากที่สุด อันเนื่องด้วยการหมกมุ่นอยู่กับโลกของวัตถุและไม่พยายามปลีกตัวให้ห่างจากสิ่งล่อลวง
ผู้ศรัทธาทุกคนเชื่อและยอมรับอย่างมาดมั่นว่า อาคิเราะฮฺ คือสถานที่สุดท้ายทีมนุษย์ต้องกลับไปหา และเป็นสถานที่ที่จะคงถาวรตลอดไป และยังไม่มีใครปฏิเสธว่า เส้นทางแห่งอาคิเราะฮฺนั้น ต้องปูด้วยอิบาดะฮฺและการงานที่ดี จึงจะพบกับจุดหมายที่เป็นสวนสวรรค์อันเปี่ยมสุข
ไม่มีผู้ใดอีกแล้วในโลกนี้ ที่เข้าใจถึงข้อเท็จจริงของอาคิเราะฮฺ ความสุขในสวรรค์ และการทรมานในไฟนรก มากไปกว่าผู้เป็นศาสนทูตแห่งอิสลาม ท่านนบี มุฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม
ชั่วชีวิตของท่าน สิ่งที่ท่านนำสอนและเสียสละลมหายใจทั้งหมด ก็เพื่อชี้ทางให้ประชาชาติของท่านรู้จักผู้เป็นเจ้า รู้จักเส้นทางสวรรค์ เตือนให้พวกเรารู้ถึงการล่อลวงของชัยฏอนอันจะนำไปสู่นรก รวมทั้งเป็นแบบอย่างที่ดีที่สุด ในการประพฤติตนเป็นบ่าวผู้นอบน้อมและขวนขวายเพื่อให้ได้มาซึ่งความโปรดปรานขององค์อภิบาล
สิ่งที่เราทุกคนควรฉุกคิดก็คือ ศาสนทูตผู้นี้ไม่เคยละทิ้งการอิอฺติกาฟในชีวิตของท่านหลังการอพยพสู่นครมะดีนะฮฺ แม้ว่าจะมีภารกิจที่ต้องรับผิดชอบมากมาย นัยเพื่อจะบอกและกำชับให้เราท่านรู้ว่า สิบวันสุดท้ายของเราะมะฎอน คือความลับ คือประตูสำคัญที่เปิดรอให้บ่าวทุกคนเข้ารับสิทธิการปลดปล่อยจากโซ่ตรวนของไฟนรก และจองที่พำนักในสวรรค์อันนิรันดร์กาล
เราให้เหตุผลไม่ได้ว่า เหตุใดที่อัลลอฮฺทรงยกเกียรติของเดือนเราะมะฎอนให้สูงเช่นนี้ เหตุใดที่พระองค์ทรงกำหนดให้เริ่มมีการประทานดำรัสอัลกุรอานในเดือนนี้ และเหตุใดที่ทรงให้มี ลัยละตุล-ก็อดรฺ ในเดือนนี้ … เพราะทั้งหมดนั้นล้วนเป็นเอกสิทธิที่พระองค์ทรงประสงค์เพียงผู้เดียว
แต่สิ่งที่เราควรรู้ก็คือ องค์อัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ที่เปี่ยมด้วยความเมตตาและความปรานี เป็นผู้มอบที่ไม่เคยหวังการตอบแทน เป็นผู้ห่วงแหนบ่าวของพระองค์ เป็นผู้ที่รักและชื่นชม เมื่อเห็นบ่าววิงวอนขอจากพระองค์ด้วยท่าทีที่นอบน้อมและยำเกรง
ถ้าในหนึ่งปี เราไม่เคยแสดงบทบาทการเป็นบ่าวที่ภักดีและยำเกรง ทำไมเพียงแค่สิบวัน เราจึงเกียจคร้านที่จะทำตัวดีๆ สักครั้ง
ถ้าเพียงแค่การอิอฺติกาฟยังไม่สามารถที่รับประกันว่าเราเป็นชาวสวรรค์แล้วก็ตาม อย่างน้อยๆ ช่วงเวลาไม่กี่วันนี้ก็อาจจะเป็นจุดผกผันที่เปลี่ยนวิถีชีวิตการเป็นบ่าวของเราให้ดีขึ้น หลังจากที่เราออกพ้นจากเดือนเราะมะฎอนไปแล้ว และต้องกลับไปพบกับความวุ่นวายในโลกที่เต็มไปด้วยมะอฺศิยัต
เพราะเราเชื่อว่า อิอฺติกาฟ การทบทวนตน และการอบรมบ่มจิตใจภายใต้หลังคามัสยิดอันเป็นบ้านของอัลลอฮ คงสามารถจะบีบคั้นน้ำตาให้รินออกมาชำระล้างความโสมมในหัวใจและสร้างพลังแห่งอีมานขึ้นใหม่ได้
เช่นนี้ อิอฺติกาฟ จึงควรจะเป็นความลับแห่งวิถีของมุอ์มิน ผู้หวังจะเป็นบ่าวที่เพียบพร้อมด้วยความแข็งแกร่งของจิตใจ
ขอเชิญชวนให้ทุกคนได้ลองสัมผัสกับความลับนี้.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น